ความรู้สึกดัง-ค่อยของเสียง ขึ้นอยู่กับแอมพลิจูดของคลื่นและความเข้มเสียง 2. ความรู้สึกทุ้ม-แหลมของเสียง ขึ้นอยู่กับความถี่ของเสียง 3. ความไพเราะของเสียง ขึ้นอยู่กับคุณภาพเสียง หูของคนเราเป็นอวัยวะของร่างกายที่ใช้รับเสียง แบ่งออกได้ 3 ส่วน ได้แก่ หูส่วนนอก หูส่วนกลางและหูส่วนใน 1.
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ดอกไม้รับรู้คลื่นเสียงจากแมลงผสมเกสรโดยใช้กลีบดอก เสียงหึ่งๆ จากปีกผึ้งกระตุ้นให้ดอกไม้ผลิตน้ำต้อยที่มีรสหวานเพิ่มขึ้นระยะหนึ่ง Pages: 1 2
ความหมายของ Multimedia 0. 0 ( ratings) | 6399 0 บทเรียนนี้เหมาะสำหรับ ทุกคน คำอธิบาย ความหมายของมัลติมีเดีย 1. ความหมาย "มัลติมีเดีย " 1. 1 มัลติ ( Multi) มัลติ คือ หลาย ๆ อย่างผสมรวมกัน 1. 2 มีเดีย ( Media) มีเดีย คือ สื่อ ข่าวสาร ช่องทางการสื่อสารเพื่อนำมารวมกัน เป็นคำว่า "มัลติมีเดีย" มัลติมีเดีย ( Multimedia) มัลติมีเดีย คือ การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานรวมกัน ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษร ( Text) ภาพนิ่ง ( Image) ภาพเคลื่อนไหว ( Animation) เสียง (Sound) และวีดีโอ ( Video) โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อสื่อความหมายกับผู้ใช้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ ( Interactive Multimedia) และได้บรรลุตามวัตถุประสงค์การใช้งาน 2. องค์ประกอบของมัลติมีเดีย 2. 1 ข้อความ ( Text) ข้อความหรือตัวอักษร ถือว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของมัลติมีเดีย ที่นำเสนอผ่านจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีรูปแบบและสีของตัวอักษรให้เลือกมากมายตามความต้องการแล้วยังสามารถกำหนดคุณลักษณะของปฎิสัมพันธ์ ( โต้ตอบ) ในระหว่างการนำเสนอได้อีกด้วย 2. 2 ภาพนิ่ง ( Image) ภาพนิ่งเป็นภาพที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น แต่ภาพนั้นสามารถสื่อความหมายได้กับทุกชนชาติ ภาพนิ่งมักจะแสดงอยู่บนสื่อชนิดต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือวารสารวิชาการ เป็นต้น 2.
จิตสำนึก (CONSCIOUS SCREEN) ครอบครองความสามารถและการทำงานของ สมอง ร้อยละ 5 2.
3 ภาพเคลื่อนไหว ( Animation) ภาพเคลื่อนไหว หมายถึง ภาพกราฟฟิกที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงขั้นตอนหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การเคลื่อนที่ของอะตอมในโมเลกุล เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดแรงจูงใจจากผู้ชม 2. 4 เสียง ( Sound) เสียง เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของมัลติมีเดีย โดยจะถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของสัญญาดิจิตอล ซึ่งสามารถเล่นซ้ำกลับไปกลับมาได้ โดยโช้โปรแกรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทำงานด้านเสียงจะเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สร้างความน่าสนใจ น่าติดตาม เสียงจึงมีองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับมัลติมีเดีย ซึ่งสามารถนำเข้าเสียงผ่านทางไมโครโฟน แผ่นซีดี เทปเสียง และวิทยุ เป็นต้น 2. 5 วีดีโอ ( Video) เนื่องจากวีดีโอในระบบดิจิตอลจะสามารถนำเสนอข้อความ หรือรูปภาพ ( ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว) ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่น ๆ ปัญหาหลักของการใช้วีดีโอในระบบมัลติมีเดีย คือ การสิ้นเปลืองทรัพยากรของพื้นที่บนหน่วยความทรงจำเป็นจำนวนมาก 3. ประโยชน์ - ง่ายต่อการใช้งาน - สามารถได้ถึงความรู้สึก - สร้างเสริมประสบการณ์ - เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ - เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น - คุ้มค่าในการลงทุน - เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน 4.
มัลติมีเดียเพื่อช่วยงานวางแผน (Multimedia as a planning aid) เป็นกระบวนการสร้างและการนำเสนองานแต่ละชนิดให้มีความเหมือนจริงมี 3 มิติ เช่น การออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรมและภูมิศาสตร์หรือนำไปใช้ในด้านการแพทย์การทหารการเดินทาง โดยสร้างสถานการณ์จำลอง เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถจะไปอยู่ในสถานการณ์จริงได้ 8. มัลติมีเดียเพื่อเป็นสถานีข่าวสาร (Information terminals) จะพบเห็นในงานบริการข้อมูลข่าวสารในงานธุรกิจจะติดตั้งอยู่ส่วนหน้าของหน่วยงาน เพื่อบริหารลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเข้าสู่ระบบบริหารของหน่วยงานนั้นด้วยตนเองสามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่นำเสนอไว้โดยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์สะดวกทั้งผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการมีลักษณะเป็นป้ายหรือจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ติดตามกำแพงเสนอภาพ เสียง ข้อความต่าง ๆ ที่น่าสนใจ 9. ระบบเครือข่ายมัลติมีเดีย (Networking with multimedia)คอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีอยู่หลายประเภทคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียทางการศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท (Dutton. 2002: 9 - 10)ได้แก่ 1. ประเภทการสอนเสริมทางการศึกษา (Tutorials education) 2. ประเภทการฝึกและปฏิบัติ (Drill and practice) 3.
ธอร์นเบอรี่ (Thornbury. 2011) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการพูดไว้สองส่วนดังนี้ 1. กระบวนการพูด ประกอบไปด้วย 1. 1 การผลิตคำพูด (speech production) การพูดเป็นการผลิตคำต่อคำ ในการโต้ตอบกันของบุคคลโดยการผลิตเสียงต่อเสียง คำต่อคำนั้น เรียกว่า การพูดคุยกัน การพูดเกิดขึ้นในทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการพูดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แต่หมายถึงเวลาในการเตรียมตัวเพื่อที่จะพูดนั้นมีอยู่อย่างจำกัด 1. 2 แนวความคิดและการกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่จะพูด (conceptualization and formulation) ในการพูดนั้นจะต้องมีการคิดว่าจะพูดเรื่องอะไร จากนั้นจึงกำหนดหรือสร้างแผนผังความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่จะพูด ได้แก่ ระดับของบทสนทนา ไวยากรณ์ คำศัพท์ จากนั้นจึงสร้างโครงร่างว่าจะพูดอะไรก่อนหรือหลังเป็นลำดับ ในการพูดภาษาอังกฤษนั้นจะแบ่งการพูดออกเป็นสองส่วน ได้แก่ หัวข้อ คือสิ่งที่กำลังพูดถึง และคำอธิบาย คือสิ่งที่ต้องการพูดเกี่ยวกับหัวข้อนั้น 1. 3 การออกเสียง (articulation) การออกเสียงเกิดจากการใช้อวัยวะต่างๆ เพื่อผลิตเสียง กระแสลมที่ผลิตจากปอดเคลื่อนผ่านเส้นเสียง และถูกทำให้เกิดเป็นเสียงโดยตำแหน่งและการเคลื่อนที่ของอวัยวะในช่องปาก เช่น ลิ้น ฟัน และริมฝีปาก เสียงสระผลิตจากลิ้นและริมฝีปาก เสียงพยัญชนะเกิดจากการกักลมที่บริเวณริมฝีปากหรือฟัน ซึ่งผู้ที่พูดภาษาอังกฤษสามารถผลิตหน่วยเสียงที่มีความหมายได้มากกว่า 40 หน่วยเสียง โดยแบ่งเป็นเสียงสระและพยัญชนะเท่าๆกัน 1.
วลีหรือกลุ่มคำ (chunk) คือ คำหลายคำที่นำมารวมกัน แบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ดังนี้ - การจัดวางกลุ่มคำที่ต้องใช้ควบคู่กันในประโยค (collocations) เช่น densely populated, rich and famous, set the table - วลี (phrasal verbs) เช่น get up, log on, run out of, go on about - สำนวน (idioms) เช่น part and parcel, make ends meet, as cool as a cucumber, speak of the devil - ส่วนประกอบของประโยคที่ใช้ขึ้นต้นประโยค (sentence frames) เช่น would you like a…? The thing is …, What really gets me is… - คำที่ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ (social formulas) เช่น see you later, have a nice day, mind your head - คำเชื่อมความ (discourse markers) เช่น if you ask me, by the way, I take your point, to cut a long story short… 8. การออกเสียง (phonology) สิ่งสำคัญในการออกเสียงของผู้พูดคือการออกเสียงสูงต่ำ (intonation) การออกเสียงสูงต่ำทำให้เห็นข้อมูลที่สำคัญของการพูดนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในการพูดภาษาอังกฤษนั้นจะเห็นได้ว่าระดับเสียง (pitch) ที่สูงขึ้นกับข้อมูลใหม่นั้นมีความสัมพันธ์กัน และเมื่อระดับเสียงลดลงนั่นแสดงว่าการพูดได้สิ้นสุดลงแล้ว 2.
ใช้สายกีตาร์ที่มีขนาดเล็กลง 2. เพิ่มความตึงของสาย 3. ใช้สายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 4. ทำให้สายสั้นลง 1, 3, 4 23 คนเราสามารถหาความลึกของทะเลโดยใช้ความจริงข้อใด แสงหักเหเมื่อเดินทางผ่านตัวกลางต่างกัน น้ำทะเลมีคลื่นลม เสียงเดินทางในน้ำได้เร็วกว่าอากาศ เสียงสามารถสะท้อนได้ 24 อัลตราซาวด์นำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องใด หาฝูงปลา ชนิดของปลา ใช้ตรวจสภาพเนื้อเยื่อในร่างกาย ใช้ในการดำรงชีพของสัตว์บางชนิด 25 ข้อใดกล่าวถึงการใช้โซนาร์ไม่ถูกต้อง บอกชนิดของปลา บอกขนาดของฝูงปลา บอกความลึกของระดับน้ำทะเล สัตว์บางชนิดใช้ในการดำรงชีวิต
มีสมาธิ (ขณะเข้าญาณ หรือใจจดจ่อเรื่องใดเรื่อง หนึ่งอย่างแรงกล้า) 2. อยู่ในภวังค์ (จิตใจล่องลอย ควบคุมไม่ได้ชั่วขณะ) 3. สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น 4. จิตใจว่างเปล่า 5. ดีใจ ตกใจ เสียใจ ตื่นเต้นสุดขีดจนลืมตัว (อาการ ลืมตัวจนทำให้จิตใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ) เวลาเราจำหรือท่องหนังสือนั้น เราจำผ่านจิตสำนึก การท่องหนังสือหรือได้รับข้อมูลใดๆ ซ้ำกันแล้วซ้ำ กันเล่าก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ข้อมูล จะถูกนำไปเก็บใน จิตใต้สำนึก หรือหากเราใช้จิตใต้สำนึกในการจำก็จะ จำได้ดีขึ้น ปัจจุบันการการสร้างโปรแกรมวิธีเลี้ยงลูกให้เป็น อัจฉริยะด้วยวิธีพิเศษกับลูกเมื่ออยู่ในครรภ์ ตามทฤษฏีการสะกดจิตนั้น มีความเป็นไปได้ของสิ่ง ต่อไปนี้คือ 1. จิตใต้สำนึกจะจดจำได้ดีกว่าจิตสำนึก 2. จิตใต้สำนึกจะทำงานเมื่อจิตสำนึกปิด หรืออีกนัย หนึ่งคือจะทำงานขณะเราหลับ 3.