อ่าน 3. 5k ครั้ง Homework เมนูร้อนๆใส่ทั้งผัก ทั้งหมู 3 ถูกใจ • 0 ความคิดเห็น ถูกใจ ความคิดเห็น บันทึก ถูกใจสูตรโดย สำหรับ 1 ถ้วย ลูกชิ้นหมู 5 ลูก ซุปหมูคนอร์ 1ก้อน หมูบะช่อ 1 ขีด เห็ดหูหนู 1 ขีด วุ้นเส้น 1 ขีด ผักกาดขาว 1 ขีด ผักที่ชอบเพิ่มเติมได้ ตามใจชอบ 1 ขีด ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมเจียวดพื่อความชอบ แล้วแต่ชอบ 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 0. 5 ช้อนชา วิธีทำ เวลาเตรียมส่วนผสม: 15 นาที เวลาปรุงอาหาร: 5 นาที 1 นำซุปคนอร์ต้มกับน้ำ เดือดพอประมาณ 2 นำเนื้อหมูบะช่อ ลูกชิ้น ใส่ในน้ำเดือด ตามด้วยผักทีหลังเดี๋ยวจะเละสะก่อน ถ้าใส่ไวไป 3 ใส่วุ้นเว้นลงไป พร้อมปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ๊วขาว และตักเสริ์ฟโรยกระเทียมเจียว พริกไทยป่น ต้นหอม ผักชี ตามใจชอบ เผยแพร่: 12/31/2017 ลองทำเมนูนี้สิ! เป็นคนแรกที่ได้ลองทำสูตรนี้ 0 ความคิดเห็น
23 ก. ย. 2559 05:01 น. คนทั่วไป จะรู้จัก "เห็ดหูหนู" เป็นอย่างดี เนื่องจากมีวางขายตามตลาดสดมากมาย ใช้แกงจืด ยำ ผัด หรือแกงแครวมกับผักชนิดอื่นๆ รับประทานอร่อยมาก ซึ่ง "เห็ดหูหนู" มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ AURICULARIA AURICULARIS อยู่ในวงศ์ AURICULARIACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คือ ดอก เป็นแผ่นใสคล้ายวุ้น อ่อนนุ่ม เหนียว เป็นแผ่นรูปร่างเหมือนกับหูของตัวหนูจริงๆทุกอย่าง จึงถูกตั้งชื่อว่า "เห็ดหูหนู" ดังกล่าว ด้านบนเป็นมันเงา สีน้ำตาลปนดำ สีน้ำตาลปนแดง หรือสีน้ำตาลอ่อน มักมีรอยจีบหรือหยักเป็นคลื่น วัดเส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 12-15 ซม.
SERVES 3-4 คน LEVEL ง่าย กับข้าวสไตล์มังสวิรัติ กับเมนูแกงจืดวุ้นเส้นฟองเต้าหู้สด น้ำซุปรสกลมกล่อมหวานจากผัก เพิ่มประโยชน์จากเห็ดหูหนูดำ ทำง่าย กินได้ทั้งครอบครัว INGREDIENTS ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือสมุทร วุ้นเส้นแห้งแช่น้ำจนนุ่มตัดท่อน ฟองเต้าหู้เกลียวหั่นท่อน เห็ดหูหนูดำหั่นชิ้นพอคำ ผักกาดขาวหั่นชิ้นพอคำ ต้นหอมหั่นท่อน ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน พริกไทยขาวป่นสำหรับโรย น้ำซุปผัก ข้าวโพดหวานหั่นท่อน หอมใหญ่ปอกเปลือกหั่นครึ่ง กะหล่ำปลีหั่นครึ่ง รากขึ้นฉ่าย แตงกวาผ่าครึ่งทั้งเปลือก METHOD 1. ทำน้ำซุปผักโดยต้มน้ำในหม้อด้วยไฟอ่อนจนน้ำเริ่มเดือด ใส่ข้าวโพด หอมใหญ่ กะหล่ำปลี รากขึ้นฉ่าย รากผักชี และแตงกวาเคี่ยวน้ำซุปนานประมาณ 20-30 นาที แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำ 2. ตั้งหม้อน้ำซุปผักบนไฟกลาง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและเกลือ คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเค็มหวานกลมกล่อม ปิดฝา รอให้น้ำซุปเดือดอีกครั้ง แล้วใส่วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ เห็ดหูหนูดำ ผักกาดขาว ต้นหอม และขึ้นฉ่าย คนพอเข้ากัน ปิดไฟ 3. ตักใส่ถ้วย โรยพริกไทยป่น เสิร์ฟร้อนๆ
(วิทยา บุญวรพัฒน์). "เห็ดหูหนู". หน้า 628. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 300 คอลัมน์: แพทย์แผนจีน. (นพ. วิทวัส (ภาสกิจ) วัณนาวิบูล). "เห็ดหูหนู: สุดยอดของเห็ด". อาหารพื้นบ้านล้านนา, สำนักหอสมุด และสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. "เห็ดหูหนู".
แกงจืดหมูใส่เห็ดหูหนูดำ วันที่ 31-05-2010 | อ่าน: 10837 สูตรอาหารช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว ส่วนประกอบ: เห็ดหูหนูสีดำสด 4 ขีด เนื้อหมู 4 ขีด พุทราจีน 7-8 เม็ด น้ำเปล่า 2 ถ้วย วิธีทำ: 1. ล้างเห็ดหูหนูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ 3. ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงในหม้อต้มพร้อมกัน เมื่อเดือดแล้วให้หรี่ไฟอ่อน ตุ๋นต่อไป รอให้น้ำแกงจืดเข้มข้นและเนื้อหมูสุกดีแล้ว ปรุงรสตามชอบ คำอธิบาย: รับประทานแกงจืดนี้วันละหนึ่งครั้ง จะช่วยเพิ่มความเย็นลดความร้อน เสริมการทำงานของกระเพาะและม้าม ทั้งยังสามารถต่อต้านมะเร็งได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาด้วยวิธีเคมีและรังสีบำบัด ซึ่งสภาพร่างกายมักจะอ่อนแอและมีระดับปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง อาหารผู้ป่วยมะเร็ง ผู้พิชิตมะเร็ง การตรวจวินิจฉัยมะเร็ง
ส่วนผสม – วุ้นเส้นแช่น้ำนิ่มแล้ว 2 ถ้วย – เต้าหู้ไข่ 1 หลอด – เห็ดหูหนู 15 ดอก – เนื้อหมู 3 ขีด – กุ้งชีแฮ้ 2 ขีด – รากผักชี 3 ราก – กระเทียม 10 กลีบ – แครอท – ต้นหอม – ผักชี – น้ำปลา – พริกไทยป่น วิธีทำอาหาร 1. กุ้งแกะเปลือกออก ผ่าหลังชักไส้ เนื้อหมูสับละเอียด 2. รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกรวมกันให้ละเอียด เคล้ากับเนื้อหมูผมสกับน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 3. เห็ดหูหนูแช่น้ำพอนิ่ม ล้างให้สะอาด เต้าหู้ไข่หั่นเบาๆเป็นท่อน 4. น้ำใส่หม้อ 5 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด หยิบหมูปั้นเป็นลูกๆ หย่อนลงในหม้อ 5. ใส่กุ้งพอสุก ใส่วุ้นเส้น เห็ดหูหนู เต้าหู้ไข่ เติมน้ำปลา พอสุกทั่ว ปรุงชิมรส 6. ตักใส่ชาม ใส่ต้นหอม ผักชี โรยพริกไทยป่น
4 กรัม ไขมัน 0. 1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 9. 1 กรัม แคลเซียม 60 มิลลิกรัม เหล็ก 6. 1 มิลลิกรัม ไทอะซิน 0. 04 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0. 71 มิลลิกรัม ไนอะซิน 2. 8 มิลลิกรัม วิตามินซี 21 มิลลิกรัม เส้นใยอาหาร 7 กรัม กรดนิโคติน 2. 7 มิลลิกรัม (ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข) เห็ดหูหนูจึงสมควรเป็นอาหารประจำบ้าน คู่ครัว คู่ผู้สูงอายุ และผู้เจ็บป่วยอย่างยิ่ง ภาพจาก: